3 แรงฮึด ปลดหนี้บัตรเครดิต

20 November 2023

การกดเงินจากบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิต เป็นตัวช่วยหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาเงินขาดมือ ทำให้เราไม่ต้องไปกู้ยืมจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ อย่างไรก็ตามอัตราดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดและบัตรเครดิตอยู่ในระดับที่ค่อน ข้างสูงประมาณ 20-28% ต่อปี ดังนั้น การลดภาระหรือปลดหนี้จากบัตรทั้ง 2 ประเภท ให้เร็วที่สุดจะช่วยให้เราประหยัดดอกเบี้ยจ่ายลงไปได้ โดยมี 3 เทคนิคที่ขอแนะนำดังนี้ค่ะ

  1. ปรับลดค่าใช้จ่าย วิธีนี้เป็นวิธีที่สามารถเริ่มทำได้ง่ายที่สุด เพราะสามารถเริ่มทำได้โดยทันที เช่น ลดค่าทานอาหารนอกบ้าน การซื้อเสื้อผ้า หรือใช้ขนส่งมวลชนแทนรถส่วนตัว ในช่วงแรกๆ ของการปรับลดค่าใช้จ่าย เราอาจรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดำรงชีวิต แต่ขอให้คิดไว้ว่า การทำแบบนี้จะช่วยให้ภาระหนี้ของเราหมดเร็วขึ้น และยิ่งสามารถทำได้เป็นประจำจนติดเป็นนิสัยแล้ว จะช่วยให้เรามีเงินเหลือเก็บออมเพิ่มขึ้นในระยะยาวได้อีกด้วยค่ะ
  2. เพิ่มรายได้ การมีรายรับเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนจะช่วยให้เรามีเงินเหลือมากขึ้น และสามารถนำไปชำระหนี้บัตรได้มากขึ้นอีกด้วย วิธีที่จะช่วยให้มีรายรับเพิ่มขึ้นมีทั้งการทำงานล่วงเวลา (OT) หรือการทำอาชีพเสริม สำหรับการทำอาชีพเสริมนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่หลายๆ คนคิด โดยเราสามารถเริ่มจากสิ่งที่เราถนัด เช่น ทำอาหาร ตัดเย็บเสื้อผ้า หรืออาจรับสินค้าแล้วนำมาขายต่อก็ได้ ซึ่งช่องทางในการขายก็มีหลากหลาย ทั้งขายด้วยตัวเองหรือทางอินเตอร์เนต เชื่อว่า ถ้ามีความตั้งใจจริงและศึกษาการทำอาชีพเสริมนั้นๆ อย่างจริงจัง ก็จะมีรายได้มากขึ้น และอาจพัฒนามาเป็นอาชีพหลักก็ได้นะคะ
  3. แปลงรถเป็นเงินสด หากพยายามปรับลดค่าใช้จ่ายและหารายได้เพิ่มแล้ว แต่ก็ยังจ่ายหนี้ของบัตรกดเงินสดหรือบัตรเครดิตได้ไม่มากนัก หากมีรถที่ปลอดภาระ สามารถนำรถที่มีมาเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อกับธนาคารได้ค่ะ โดยอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อประเภทนี้ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสด และบัตรเครดิต จึงช่วยให้เราประหยัดภาระดอกเบี้ยได้ ทั้งนี้ สินเชื่อประเภทนี้มีทั้งแบบคิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก และแบบคงที่ แนะนำให้เลือกแบบลดต้นลดดอก เพราะถ้าเราชำระหนี้ได้มากกว่าค่างวดที่กำหนดไว้ จะช่วยให้ประหยัดภาระดอกเบี้ยจ่ายลงได้ค่ะ

หวังว่าทั้ง 3 เทคนิคที่ได้แนะนำไป จะช่วยให้ปรับลดหนี้บัตรได้เร็วขึ้นนะคะ และเมื่อปลดหนี้ได้หมดแล้ว ก็อย่าลืมสำรองเงินเผื่อไว้ใช้สำหรับยามฉุกเฉินประมาณ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น จะได้มีเงินก้อนสำรองเอาไว้ ไม่ต้องไปกู้เงินให้เสียดอกเบี้ยกันค่ะ